หมวดหมู่: หุ้นเด่นวันนี้

33


ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับลงตามภูมิภาคหลังดาวโจนส์ดิ่ง รับแรงกดดันจากทรัมป์ถูกต่อต้านมากขึ้น

      นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างติดลบกันทั่วหน้าราว 0.3-0.4% เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ถูกต่อต้านมากขึ้น จากที่ผู้บริหารจากภาคธุรกิจได้ลาออกจากตำแหน่งในสภาที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งได้ลาออกไปแล้ว 2 คน และมีข่าวลือว่าจะลาออกอีก 1 คน ซึ่งอาจทำให้การพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ในสภาคองเกรสเป็นไปอย่างยากลำบากมากขึ้น เพราะทั้งภาคธุรกิจและสภาคองเกรสต่างก็ไม่ชอบ"ทรัมป์"มากขึ้น การทำงานและนโยบายต่าง ๆ ของ"ทรัมป์"ก็คงจะเดินหน้าไปได้ยากขึ้น ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์เมื่อวานนี้ปรับตัวลงแรง

      ส่วนตลาดบ้านเราคงจะปรับตัวลงไม่มาก เพราะยังมีเรื่องการจ่ายเงินปันผลช่วยหล่อเลี้ยงตลาดฯอยู่ โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มแบงก์ ยังไม่ประกาศจ่ายปันผล

พร้อมให้แนวรับ 1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,570-1,572 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

       - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (17 ส.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,750.73 จุด ร่วงลง 274.14 จุด (-1.24%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,221.91 จุด ร่วงลง 123.19 จุด (-1.94%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,430.01 จุด ลดลง 38.10 จุด (-1.54%)

       - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 231.36 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 15.19 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 344.62 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน  ลดลง 44.54 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 21.48 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 12.63 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.97 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 6.25 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 ส.ค.60) 1,568.95 จุด เพิ่มขึ้น 1.43 จุด (+0.09%)

       - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 534.53 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 ส.ค.60

       - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (17 ส.ค.60) ปิดที่ 47.09 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.7%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 ส.ค.60) ที่ 8.30 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 33.24 แนวโน้มทรงตัว ตลาดรอดูทิศทางการเมืองวันตัดสินคดีจำนำข้าวสัปดาห์หน้า

                - กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ได้สรุปแก้ไขกฎหมายเพิ่มเงินสมทบของสมาชิกเข้ากองทุนจากเดิมกำหนดไม่เกิน 1.32 หมื่นบาท/ปี เป็น 3 หมื่นบาท/ปี

                - คลังหารือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เคาะภาษีท่องเที่ยวใหม่ รมว.คลังยืนยันให้อัตราเดียวและต้องเป็นการเดินทางไปเที่ยวในชุมชนและชนบท

                - ธปท. ยังติดตามค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด แต่ไม่พบว่ามีเงินทุนไหลเข้าเก็งกำไรระยะสั้นแบบผิดปกติ อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่ค่าเงินผันผวน ธุรกิจอาจจะได้รับผลกระทบหากไม่มีการป้องกันความเสี่ยง ดังนั้น ธปท.จึงได้ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ประกอบธุรกิจส่งออกและนำเข้า และจะเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติในเร็วๆ นี้ รวมทั้งได้ขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์ให้พิจารณาลดค่าธรรมเนียม (ค่าฟี) หลักประกัน และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย ในการป้องกันความเสี่ยงให้กับเอสเอ็มอี เพราะบางธนาคารยังอยู่ในระดับสูง

                - ธปท.รับเงินบาทแข็งค่าแล้ว 7% แข็งสุดในภูมิภาค แต่ยันไม่ฉุดการส่งออก ย้ำเงินไหลเข้ายังไม่พบสัญญาณเก็งกำไร ขุนคลังยังไม่เคาะแพ็กเกจหั่นภาษีหนุนท่องเที่ยว

                - "ประยุทธ์" ตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ดึงบิ๊กเอกชนเข้าร่วมอื้อ ขณะที่ "สุวิทย์" หวังช่วยปลดล็อกปัญหาอุปสรรคที่ขับเคลื่อนไม่ได้ พร้อมปรับมายด์เซ็ตคนไทยใหม่เปลี่ยนพลเมืองที่เฉยชาเป็นพลเมืองที่มีจิตสาธารณะหลังคนไทยส่วนหนึ่งแยกดีชั่วถูกผิดไม่ออก

*หุ้นเด่นวันนี้

                - ITEL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 7 บาท ข้อมูลเชิงบวกจากจำนวนลูกค้าธุรกิจให้เช่าโครงข่ายบอร์ดแบนด์ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเป็นทั้งหน่วยงานภาครัฐฯ และกลุ่มสถาบันการเงิน ขณะที่งานติดตั้งโครงข่าย แม้อัตรากำไรขั้นต้นจะถูกกดดันเหลือ 15% จากคาดเดิมที่ 20% แต่ชดเชยได้จากมูลค่างานที่เพิ่มขึ้นกว่าคาดมาก โดยเฉพาะเน็ตชายขอบที่มูลค่าสูงถึง 1.8 พันล้านบาท ปัจจัยลบมีเรื่องเดียว คือ ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่ 2 เปิดช้ากว่าคาด ซึ่งเป็นเพียงการเลื่อนกระแสเงินสดออกไปเท่านั้น โดยอยู่ในช่วงทบทวนประมาณการ

                - MTLS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 39 บาท ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง จากความกังวลในกรณีของตั๋ว B/E ซึ่งผู้ออกที่มีโอกาสถูกคุมเข้มมากขึ้นคือกลุ่ม non-rating แต่ MTLS มี rating BBB จึงยังสามารถออกขายได้ตามปกติ ขณะที่ในระยะสั้นยังไม่มีหนี้ครบกำหนดชำระก้อนใหญ่และสภาพคล่องเป็นไปตามปกติ ส่วนแนวโน้ม 2H60 ยังโตแข็งแกร่งเพราะเป็นฤดูปล่อยสินเชื่อและคาดค่าใช้จ่ายเปิดสาขาลดลง

                - TPCH (โกลเบล็ก)"ซื้อ"เป้า 22.20 บาท ประกาศข่าวดี โรงไฟฟ้าชีวมวล ปัตตานี กรีน เพาเวอร์ (PTG) กำลังการผลิตติดตั้ง 23 MW ในระบบ ADDER ในราคา 3.87 บาท ได้รับใบอนุญาตสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) จาก กฟผ.เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เห็นว่าโครงการ PTG เป็นโครงการลงทุนที่อยู่ในแผนของบริษัทอยู่แล้วโดยต้นเดือนที่ผ่านมาบริษัทได้อนุมัติเงินลงทุน 4 พันล้านบาทเพื่อลงทุนใน 4 โครงการรวมโครงการ PTG ด้วย อย่างไรก็ตามมองเป็นมุมมองบวกต่อผลประกอบการของบริษัทในระยะยาวหลังได้ PPA ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยคาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเนื่องจากรับรู้รายได้โรงไฟฟ้า PGP และ SGP กำลังการผลิตแห่งละ 9.2 MW หนุนให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวม 52.8 MW

       - TOP (ไอร่า) เป้า 108 บาท ค่าการกลั่นตลาดสิงคโปร์ ล่าสุด 8.32 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เข้าใกล้ระดับสูงสุดของปีนี้ที่ 8.55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล คาดผลการดำเนินงาน 3Q/60 จะออกมาโดดเด่น จากธุรกิจโรงกลั่นเป็นหลัก  และคาดจะไม่มีขาดทุนจากสต็อกน้ำมันอีก ในขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีและน้ำมันหล่อลื่นคาดทรงตัวจาก 2Q/60 นอกจากนี้คาดกำไรจากธุรกิจโรงไฟฟ้าจะเข้ามาอย่างสม่ำเสมออีก ประมาณ 2,100 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ TOP ยังคงเดินหน้าโครงการขยายกำลังการผลิตและปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่น คาดจะช่วยให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น รองรับการใช้น้ำมันสำเร็จรูปในประเทศและการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ยังสามารถกลั่นน้ำมันดิบที่หนักขึ้น (heavier crude oil) ซึ่งช่วยให้มีค่าการกลั่นสูงขึ้น

ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงเช้านี้ เหตุวิตกก่อการร้ายบาร์เซโลนา-การเมืองสหรัฐ

       ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุก่อการร้ายในกรุงบาร์เซโลนาของสเปน รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐที่อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการผลักดันมาตรการทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

       ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,471.27 จุด ลดลง 231.36 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,253.24 จุด ลดลง 15.19 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 26,999.60 จุด ลดลง 344.62 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,324.83 จุด ลดลง 44.54 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,340.19 จุด ลดลง 21.48 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,256.25 จุด ลดลง 12.63 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,772.34 จุด ลดลง 3.97 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,079.00 จุด เพิ่มขึ้น 6.25 จุด

       ตลาดหุ้นเอเชียได้รับแรงกดดันจากข่าวก่อการร้ายในกรุงบาร์เซโลนาของสเปนเมื่อวานนี้ หลังจากที่คนร้ายได้ขับรถแวนพุ่งเข้าใส่ฝูงชนในย่านรามบลาส เดอ บาร์เซโลนา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของสเปน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 คน และบาดเจ็บกว่า 100 คน

       นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในสหรัฐ หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศยุบสภาที่ปรึกษา 2 ชุด ซึ่งได้แก่ สภาการผลิตอเมริกา และสภากลยุทธ์และนโยบาย ภายหลังจากที่สมาชิกของสภาการผลิตอเมริกาได้พากันทยอยลาออกเพื่อประท้วงท่าทีของปธน.ทรัมป์ต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมืองชาร์ล็อตส์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้อาจทำให้คณะทำงานของปธน.ทรัมป์ประสบกับความยากลำบากในการผลักดันมาตรการเศรษฐกิจ

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 45.16 จุด จากแรงฉุดหุ้นแบงก์ หลังเฟดส่งสัญญาณอาจไม่ขึ้นดบ.อีกในปีนี้

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วันทำการเมื่อคืนนี้ (17 ส.ค.) จากแรงฉุดของหุ้นกลุ่มธนาคารที่ร่วงลง หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค. โดยส่งสัญญาณว่า เฟดอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในปีนี้ นอกจากนี้ตลาดหุ้นลอนดอนยังถูกกดดันจากตัวเลขค้าปลีกที่น่าผิดหวังของอังกฤษ ซึ่งฉุดหุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวลงกันถ้วนหน้า

       ดัชนี FTSE 100 ลดลง 45.16 จุด หรือ -0.61% ปิดที่ 7,387.87 จุด

      ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ มีปัจจัยลบจากกระแสความวิตกกังวลว่า เฟดอาจพิจารณาไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ โดยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของเฟด ระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดหลายคนได้ถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนเกี่ยวกับทิศทางของเงินเฟ้อสหรัฐ หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันยังคงเคลื่อนตัวต่ำกว่าระดับเป้าหมายของเฟด

     หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงจากความวิตกดังกล่าว โดยหุ้นเอชเอสบีซี ร่วง 1.3% หุ้นบาร์เคลย์ส ร่วง 1.7% หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ลดลง 1.5% และหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วงลง 2.7%

       หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวลงจากแรงกดดันของข้อมูลค้าปลีกของอังกฤษที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ โดยยอดค้าปลีกอังกฤษขยายตัวปานปลางที่ระดับ 0.3% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ระดับ 0.2% เพียงเล็กน้อย

        หุ้นคิงฟิชเชอร์ ร่วง 4.1% หลังบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ปรับตัวลงในไตรมาส 2 เนื่องจากยอดขายที่ซบเซาในฝรั่งเศส

       หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่น่าจับตา หุ้นเฟรสนิลโลและหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส ซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่ทองคำรายใหญ่ เพิ่มขึ้น 3.9% และ 1.8% ตามลำดับ ตามทิศทางของราคาทองคำที่พุ่งขึ้นจากความวิตกเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อการร้ายในบาร์เซโลนาเมื่อวานนี้

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงหลังเฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ส.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่า เฟดอาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

       ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.6% ปิดที่ 376.87 จุด

       ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,146.85 จุด ลดลง 29.76 จุด หรือ -0.57% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,387.87 จุด ลดลง 45.16 จุด หรือ -0.61% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,203.46 จุด ลดลง 60.40 จุด หรือ -0.49%

     หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งเฟดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่อ่อนแรงลง พร้อมกับแสดงความเห็นว่า เฟดควรรอคอยให้สถานการณ์เงินเฟ้อส่งสัญญาณดีขึ้น ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป

     นอกจากนี้ รายงานการประชุมเดือนก.ค.ยังระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่เฟดได้ปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อปี 2560 โดยส่วนใหญ่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 2% ต่อไปอีกเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้

      ทั้งนี้ หุ้นเอชเอสบีซี ร่วงลง 1.3% หุ้นบาร์เคลย์ส ดิ่งลง 1.7% หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ร่วงลง 1.5% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ปรับตัวลง 2.7% หุ้นดอยช์ แบงก์ ร่วงลง 3.2% และหุ้นบังโค ซานตานเดร์ ปรับตัวลง 2.5%

       หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวลงเช่นกัน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือก.ค.ขยับขึ้นเพียง 0.3% ซึ่งน้อยกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่า ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 0.6%

      ทั้งนี้ หุ้นเน็กซ์ ร่วงลง 1.4% และหุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ปรับตัวลง 1.8%

       หุ้นฮิคมา ฟาร์มาซูติคัล ผู้ผลิตยารายใหญ่ของยุโรป ดิ่งลง 10.5% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2560 เนื่องจากคาดว่าบริษัทจะเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้นในปีนี้

       สำหรับ รายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งมีการเปิดเผยเมื่อวานนี้และเป็นข้อมูลที่นักลงทุนให้ความสนใจนั้น ระบุว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ECB มีความกังวลเกี่ยวกับการแข็งค่ามากเกินไปของยูโร หลังจากที่ปรับตัวขึ้นนาน 6 เดือน โดยรายงานการประชุมของ ECB ส่งผลให้สกุลเงินยูโรร่วงลงอย่างหนัก

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 274.14 จุด เหตุวิตกก่อการร้ายในบาร์เซโลนา

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (17 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุก่อการร้ายในกรุงบาร์เซโลนาของสเปน ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 คน นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงกังวลว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐอาจจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการผลักดันมาตรการทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,750.73 จุด ร่วงลง 274.14 จุด หรือ -1.24% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,221.91 จุด ร่วงลง 123.19 จุด หรือ -1.94% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,430.01 จุด ลดลง 38.10 จุด หรือ -1.54%

       บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากข่าวก่อการร้ายในกรุงบาร์เซโลนาของสเปนเมื่อวานนี้ หลังจากที่คนร้ายได้ขับรถแวนพุ่งเข้าใส่ฝูงชนในย่านรามบลาส เดอ บาร์เซโลนา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของสเปน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 คน และบาดเจ็บอีกหลายคน

     ความวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุก่อการร้ายส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ดิ่งลง 4.9% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 5.2% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ ปรับตัวลง 3.9% หุ้นอลาสก้า แอร์ ดิ่งลง 4.5% และหุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 3.3%

       นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในสหรัฐ หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศยุบสภาที่ปรึกษา 2 ชุด ซึ่งได้แก่ สภาการผลิตอเมริกา และสภากลยุทธ์และนโยบาย ภายหลังจากที่สมาชิกของสภาการผลิตอเมริกาได้พากันทยอยลาออกเพื่อประท้วงท่าทีของปธน.ทรัมป์ต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมืองชาร์ล็อตส์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

      นักลงทุนกังวลว่า ความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ อาจทำให้คณะทำงานของปธน.ทรัมป์ประสบกับความยากลำบากในการผลักดันมาตรการเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันตลาดยังจับตาความเคลื่อนไหวของผู้บริหารรายอื่นๆว่าจะลาออกจากคณะที่ปรึกษาของทรัมป์อีกหรือไม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ผู้บริหารของบริษัทอินเทล คอร์ป, เมอร์ค แอนด์ โค อิงค์, อันเดอร์ อาร์เมอร์ อิงค์, 3M และแคมป์เบลล์ ซุป ได้พากันประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาการผลิตอเมริกา

        ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์สรายงานว่า นายแกรี โคห์น ที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวได้ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากเขารู้สึกผิดหวังในท่าทีของปธน.ทรัมป์ที่มีต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมืองชาร์ล็อตส์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวได้ออกมาชี้แจงในเวลาต่อมาว่า นายโคห์นยังคงดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาวต่อไป

       หุ้นวอล-มาร์ท ร่วงลง 1.6% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยกำไร 1.08 ดอลลาร์/หุ้น ในไตรมาส 2 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.07 ดอลลาร์/หุ้น

         หุ้นซิสโก ซิสเต็ม ดิ่งลง 4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าการคาดการณ์

         หุ้นแอล แบรนด์ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายชุดชั้นใน "Victoria’s Secret" ร่วงลง 3.6% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 3 และผลประกอบการตลอดปี 2560

        หุ้นอาลีบาบา ทะยานขึ้น 2.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้พุ่งขึ้น 56% สู่ระดับ 5.018 หมื่นล้านหยวนในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. ซึ่งเป็นไตรมาสแรกตามปีงบการเงินของบริษัท ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.77 หมื่นล้านหยวน ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า สู่ระดับ 2.17 พันล้านดอลลาร์ หรือ 83 เซนต์/หุ้น

         นักลงทุนจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 24-26 ส.ค.นี้ โดยหัวข้อการประชุมในปีนี้คือ "Fostering a Dynamic Global Economy"

       นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนส.ค.ของสหรัฐ ในเวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย

อินโฟเควสท์

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!